คุณปู่เมืองสุพรรณฯเผยโฉมแหวนทองเหลืองโบราณ'หลวงพ่ออิ่ม'
พ่อเฒ่าเมืองสุพรรณบุรี เผยโฉมแหวนทองเหลืองโบราณของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม.หนักร่วม 1 กก.โดยทำขึ้นเพื่อฟื้นฟูตำราเลขยันต์อักขระ เวลานี้ไม่มีใครสานต่อการทำแหวนทองเหลืองแบบโบราณอีกแล้ว จึงอยากเก็บเอาไว้ให้คนรุ่นหลังรู้จัก...
วันที่ 8 พ.ค. พระมหานพรัตน์ ชาลมุตโต เจ้าอาวาสวัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เผยว่า จากประวัติของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พระอาจารย์ใหญ่สำนักวิปัสสนากรรมฐานแห่งเมืองสุพรรณในยุคช่วงก่อนสมัย สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการกล่าวขาน โจษจัน ร่ำลือกันมาช้านานว่า สมัยท่านยังทรงสังขารอยู่เป็นพระที่มีกิตติคุณเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก นอกจากนี้หลวงพ่ออิ่ม ยังมีตำราโบราณหลายด้านที่ยังคงมีการสืบทอดกันมาเช่นวิธีการทำแหวนแบบโบราณ ใช้มือทำทีละวง โดยมีชาวบ้าน ต.หัวเขา เป็นผู้เก็บรักษาตำราเหล่านี้ไว้
นายวัง สูงปานเขา อายุ 77 ปี ชาวบ้าน ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ตนได้เก็บรักษาตำราการทำแหวนโบราณของหลวงพ่ออิ่มไว้เป็นอย่างดี โดยตำรานี้ได้มาจากนายเหรียญ สูงปานเขา บิดาที่ในอดีตเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่ออิ่ม เป็นตำราที่ถูกจารึกลงบนกระดาษข่อย ใบลาน โดยการทำแหวนทองเหลืองโบราณของหลวงพ่ออิ่ม ที่ทำด้วยมือมีขั้นตอนประกอบด้วย ขั้นตอนแรก ทำแบบด้วยการทำพิมพ์ขี้ผึ้งโดยแม่พิมพ์นี้จะแบนราบ จากนั้นทำหุ่นวงแหวน เททองเหลืองลงบนพิมพ์ แกะแบบ ตีวงแหวนให้เข้ากับหุ่นเป็นวงกลม แล้วตกแต่ง เป็นแหวนที่ทำได้ทีละวง ดังนั้นรูปแบบการทำแหวนโบราณแต่ละวงจึงไม่เหมือนกันเพราะใช้มือทำ
เจ้าของตำราแหวนทองเหลืองโบราณ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันตนยังทำแหวนทองเหลืองโบราณนี้อยู่ ด้วยการเก็บสะสมภาชนะโบราณเนื้อทองเหลือง ที่ชาวบ้านนำมาให้ เพราะการทำแหวนทองเหลืองโบราณนี้ไม่ได้ทำเพื่อขาย แต่ทำเพื่อฟื้นฟูตำราเลขยันต์อักขระของหลวงพ่ออิ่ม และแจกให้กับผู้ที่ศรัทธาเก็บรักษาไว้เท่านั้น ล่าสุดตนได้ทำแหวนทองเหลืองหลวงพ่ออิ่มไว้วงหนึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 1 กก.เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 ซม.เส้นรอบวง 60 ซม.เป็นแหวนทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดวงเดียวในโลก เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จักหลวงพ่ออิ่ม เพราะจากนี้ไปคงไม่มีผู้ใดที่จะสืบสานตำราการทำแหวนทองเหลืองแบบโบราณอีกแล้ว ตนน่าจะเป็นคนรุ่นสุดท้ายจึงได้ทำไว้ให้เป็นที่กล่าวขานกันต่อไป.
ทีมข่าวไทยรัฐจังหวัดสุพรรณบุรี
|